อ้อยใจสาวน้อยนักศึกษาวัย 20 ปี เธอต้องเสียสละลาออกจากการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นต้นของประเทศ เนื่องจากที่บ้านของเธอมีหนี้มีสินและเธออยากจะลดภาระให้ทางบ้าน และหาเงินช่วยที่บ้านใช้หนี้ ลำพังแค่เงิน กยศ ก็คงไม่พอที่จะส่งเธอให้สามารถเรียนจบได้ และถึงแม้ว่าเธอจะทำงานพาร์ทไทม์เงินก็คงได้แค่ประทังชีวิตไปวันวัน ลำพังจะเอามาจ่ายค่าเทอมนั้นก็คงไม่พอ วันหนึ่งเมื่อเธอมองกลับไปข้างหลังและเห็นว่าที่บ้านนั้นลำบากมาก ไม่รู้ว่าบ้านจะโดนยึดเมื่อไหร่ การทำไร่ทำสวนในยุคนี้กำไรก็แทบจะไม่มีเลย เหมือนหาเช้ากินค่ำไปวันวัน เธอใช้ระยะเวลาตัดสินใจอยู่นานกว่าที่เธอจะตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย ใจหนึ่งเธอก็ยังอยากเรียนต่อ แต่เธอก็อยากจะให้ที่บ้านสบาย เพราะเธอมองว่าตัวเธอเองเป็นภาระของที่บ้านหนักมาก ทั้งค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ ค่าหอพัก และที่หนักที่สุดก็คือค่าเทอมของเธอที่แพงมากๆ แต่เธอไม่ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์ เธอแค่ทำเรื่องดรอปเรียนเอาไว้ เธอยังคงหวังว่าวันนึงหากเธอมีเงินมากพอเธอจะกลับมาเรียนอีกครั้งเพื่อสานความฝันของตัวเองให้สำเร็จ ทำให้ครอบครัวภูมิใจในตัวเธอให้ได้
ในวันที่เธอตัดสินใจบอกแม่ของเธอว่าเธอจะลาออกมาหางานทำ แม่ของเธอรู้สึกเสียใจมาก ที่ไม่สามารถทำให้ลูกสามารถเรียนหนังสือเหมือนลูกคนอื่นได้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งแม่ของอ้อยใจก็ได้เห็นความกตัญอยู่ของเธอที่มีต่อพ่อแม่และบุพการี แม่ของอ้อยใจพูดกับอ้อยใจว่า “ความกตัญญูของลูกจะส่งผลให้ลูกมีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า” เมื่ออ้อยใจได้ยินประโยคนี้ ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะเป็นเช่นนั้น วันแรกหลังจากที่เธอลาออกเธอก็ไปลงประวัติไว้ในเว็บไซต์สมัครงาน และในวันต่อมาได้มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรมาหาเธอ แล้วบอกว่าให้เธอไปสัมภาษณ์งานในวันถัดไป ตอนนั้นเธอรู้สึกดีใจมาก เธอไม่สนใจเลยว่ามันจะคืนงานอะไร ซึ่งตัวอ้อยใจเองก็ลืมสนิทว่าตัวเธอเองนั้นไม่ได้ถามว่างานนี้คืองานอะไร เพราะตัวเธอเองมัวแต่ดีใจที่มีคนติดต่อมาให้เธอไปสัมภาษณ์งาน ในวันต่อมาเธอก็เตรียมตัวเพื่อไปสัมภาษณ์งาน และพบว่าสถานที่ที่เธอไปนั้นเป็นสตูดิโอถ่ายหนัง ตอนนั้นอ้อยใจรู้สึกดีใจมาก คิดว่าตัวเธอเองนั้นจะได้เข้าวงการแล้ว แต่ว่าผิดคาด สตูดิโอแห่งนี้เป็นสตูดิโอถ่ายหนังโป๊ไปซะงั้น แต่อ้อยใจก็ยังไม่ได้เดินออกจากสตูดิโอในทันที เธอเลือกที่จะเข้าไปสัมภาษณ์งานก่อน
เมื่อเธอเข้าไปเธอก็ได้สัมภาษณ์งานกับผู้กำกับหนุ่มมากเข้ม และหน้าตาดีอีกต่างหาก ตอนนั้นเธอจึงตัดสินใจถามผู้กำกับไปว่า “ถ้าหนูรับงานนี้ หนูจะได้ค่าตัวงานละเท่าไหร่” ผู้กำกับได้ตอบอ้อยใจกลับไปว่า “แล้วแต่ยอดขายของหนัง แต่ว่าหนูจะได้ต่ำๆ เรื่องละหมื่นอยู่แล้วหลังจากถ่ายเสร็จ นอกนั้นถ้ายอดขายดีหนูก็จะได้เปอร์เซ็นต์เพิ่ม อันนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับลีลาของหนูแล้วแหละ” เมื่ออ้อยใจได้ยินประโยคดังกล่าว เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเงินก้อนหนึ่งที่เยอะมากต่อการถ่ายหนังหนึ่งเรื่อง มันเหมือนกับการที่เธอเป็นเด็กเสิร์ฟทั้งเดือนเลย แต่เธอแค่ยอมเปลืองตัวนิดหน่อย เธอจึงตัดสินใจรับงานดังกล่าวทันที แต่ว่าเธอก็ยังไม่ได้ถ่ายหนังเลยในตอนนั้น เพราะว่าเธอต้องทดลองงานก่อน ซึ่งการทดลองงานของเธอก็คือการเย็ดจริงกับผู้กำกับหนัง ซึ่งอ้อยใจก็ไม่ติดเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าเธอก็ถูกใจผู้กำกับเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอไม่ต้องรอให้ผู้กำกับรุกเธอก่อนเลย เธอเดินเข้าไปถอดกางเกงให้กับผู้กำกับ และเธอก็โชว์ลีลาการดูดควยของเธอให้ผู้กำกับดู ผู้กำกับรู้สึกเสียวควยมากตอนนั้น และจับอ้อยใจเย็ดหี เมื่อผู้กำกับเย็ดหีของอ้อยใจเสร็จเขาก็ได้ให้อ้อยใจเริ่มงานได้ทันที เพราะว่าอ้อยใจเป็นคนที่เป็นงานมาก ยิ่งถ่ายหนังแล้ววางขายในตลาดเร็วเท่าไหร่ ยอดขายน่าจะพุ่งปรี๊ดไปเลยทีเดียว แต่งงานนี้อ้อยใจได้ขอผู้กำกับว่าให้เปลี่ยนชื่อของเธอบนหน้าปกของหนังโป๊ เพราะเธอกลัวว่าที่บ้านจะมาเห็นแล้วรับไม่ได้ที่เธอลาออกจากการเรียนหนังสือแล้วมาเป็นนางเอกหนังโป๊